การป้องกันและกำจัด โรคข้าวโพด ข้าวโพดใบไหม้ โรคราสนิมข้าวโพด โรคราน้ำค้าง โรคข้าวโพดใบด่าง

โรคข้าวโพดใบไหม้แผลเล็ก (Southern Corn Maydis Leaf Blight)

โรคข้าวโพดใบไหม้แผลเล็ก

การระบาดของโรคนี้ในประเทศไทยมีเสมอทุกปีและระบาดเพิ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่จนถึงปัจจุบัน โดยมีความรุนแรงกับข้าวโพดสายพันธุ์แท้ (Inbred line) บางสายพันธุ์ ข้าวโพดหวานข้าวโพดเทียน ข้าวโพดข้าวเหนียว เป็นต้น

ลักษณะอาการ

ระยะแรกจะเกิดจุดเล็ก ๆ สีเขียวอ่อนฉ่ำน้ำ ต่อมาจุดจะขยายออกตามความยาวของใบ โดยจำกัดด้านกว้างของแผลขนานไปตามเส้นใบตรงกลาง แผลจะมีสีเทา ขอบแผลมีสีเทาน้ำตาล ขนาดของแผลไม่แน่นอน แผลที่ขยายใหญ่เต็มที่มีขนาดกว้าง 6-12 มิลลิเมตร และยาว 6-27 มิลลิเมตร ในกรณีที่ใบข้าวโพดเป็นโรครุนแรง แผลจะขยายตัวรวมกันเป็นแผลใหญ่ และทำให้ใบแห้งตายในที่สุด อาการของโรคเมื่อเกิดในต้นระยะกล้าจะเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ทุกใบอาจจะเหี่ยวและแห้งตายภายใน 3-4 สัปดาห์หลังปลูก แต่ถ้าเกิดกับต้นแก่อาการจะเกิดบนใบล่าง ๆ ก่อน นอกจากจะเกิดบนใบแล้วยังเกิดกับต้นกาบใบ ฝักและเมล็ดอีกด้วย

เชื้อสาเหตุ

เกิดจากเชื้อรา Bipolaris maydis (Nisik.) Shoemaker. มีชื่อเดิมว่า Helminthosporium maydisNisik. เข้าทำลายข้าวโพดในเขตอบอุ่นและร้อนชื้น เชื้อมีสปอร์ยาวโค้ง ปลายเรียวมน ไม่มี hilum สีเขียวมะกอก การงอก germ tube ออกทางปลายทั้งสองด้าน เมื่อนำใบข้าวโพดเป็นโรคมาบ่มที่ความชื้น ในอุณหภูมิห้องจะสร้างสปอร์ในเวลา 24-48ชม. ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญของเชื้อจะสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ รูปร่างกลม สีดำมีส่วนปากค่อนข้างแหลมยื่นออกมาขนาด 0.4-0.6 มม.

การแพร่ระบาด

เชื้อโรคสามารถระบาดจากต้นหนึ่งไปสู่อีกต้นหนึ่ง หรือจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง โดยติดไปกับเมล็ดที่เป็นโรคและโดยทางลม หรือฝนนำสปอร์ปลิวไป เมื่อเข้าทำลายพืชเป็นแผลบนใบสามารถสร้างสปอร์อีกมากมายแพร่กระจายในแหล่งปลูก วงจรของโรคเริ่มจากเข้าทำลายจนสร้างสปอร์ใหม่ ภายในเวลา 60-72ชั่วโมง ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ที่ความชื้นสูง อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 20-320 เซลเซียส เชื้อราสามารถเข้าทำลายข้าวโพดได้หลายครั้งในแต่ละฤดูจากสปอร์ใหม่ที่เกิดขึ้น แพร่กระจายไปกับลมและฝน แล้วเข้าทำลายข้าวโพดอีกหลายรอบ เชื้อราสามารถมีชีวิตได้ในใบข้าวโพดนานถึง 8 เดือนและมีชีวิตในเมล็ดข้าวโพดได้นานกว่า 1 ปี นอกจากนี้ยังพบว่าหญ้าเดือยเป็นพืชอาศัยของเชื้อราชนิดนี้

การป้องกันกำจัด

1. ใช้เมล็ดพันธุ์จากต้นที่สมบูรณ์ปราศจากโรค

2. หมั่นตรวจไร่อยู่เสมอตั้งแต่ระยะกล้าเมื่อพบโรคเริ่มระบาดให้ถอนแล้วเผาทำลายจากนั้น ฉีดพ่นด้วย ไอเอส ในอัตราส่วน 50ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ให้ทั่วแปลงที่มีการระบาด ฉีดพ่นซ้ำทุก 3-7 วัน ต่อเนื่อง 2-4 ครั้ง ตามความรุนแรงของการระบาด การส่งเสริมให้พืชฟื้นตัวเร็วจากการเข้าทำลายของโรคและแมลง สามารถผสม FK-1 ที่ประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ฉีดพ่นไปด้วยพร้อมกัน

3. ทำลายพืชอาศัยของโรค เช่น หญ้าเดือย (Rottboellia exaltata)

4. ทำลายเศษซากของข้าวโพดหลังเก็บเกี่ยวเพราะจากการศึกษา พบว่า เชื้อราสามารถอยู่ข้ามฤดูบนเศษซากของข้าวโพดได้

5. ปลูกพันธุ์ต้านทานต่อโรค เช่น นครสวรรค์ 1 นครสวรรค์ 72 สุวรรณ 1 สุวรรณ2

โรคใบไหม้แผลใหญ่ (Northern Corn Leaf Blight)

เชื้อสาเหตุ : เชื้อรา Exserohilum turcicum

โรคข้าวโพดใบไหม้แผลใหญ่

อาการ : อาการเริ่มแรกพบแผลขนาดเล็กสีคล้ายฟางข้าวบนใบข้าวโพด ต่อมาแผลจะขยายมีขนาดใหญ่สีเทาหรือสีน้ำตาลอ่อนยาวตามใบข้าวโพดหัวท้ายเรียวคล้ายรูปกระสวย เมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสม จะพบอาการแผลบนใบข้าวโพดหลายแผลต่อใบและแผลขยายรวมกันมาก ๆ ทำให้ใบข้าวโพดแห้งตาย สามารถพบอาการของแผลได้บนกาบฝัก ข้าวโพดที่เป็นโรครุนแรงจะทำให้ฝักไม่สมบูรณ์

การป้องกันกำจัด :

1. ปลูกพืชหมุนเวียน เผาทำลายเศษซากพืชเป็นโรค

2. การเขตกรรมที่เหมาะสม ไม่ปลูกพืชหนาแน่นและใส่ปุ๋ยไนโตรเจนปริมาณสูง

3. ใช้พันธุ์ต้านทานต่อโรค

4. หมั่นตรวจสอบไร่อยู่เสมอ เมื่อพบโรคให้พ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช ฉีดพ่นด้วย ไอเอส ในอัตราส่วน 50ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ให้ทั่วแปลงที่มีการระบาด ฉีดพ่นซ้ำทุก 3-7 วัน ต่อเนื่อง 2-4 ครั้ง ตามความรุนแรงของการระบาด

ยาแก้ข้าวโพดใบไหม้ แผลใหญ่ แผลเล็ก

โรคราสนิมข้าวโพด (Rust)

เชื้อสาเหตุ : เชื้อรา Puccinia polysora

โรคราสนิมข้าวโพด

อาการ : ใบข้าวโพดจะเกิดเป็นจุดนูนทั้งด้านบนใบและใต้ใบ แต่จะพบด้านบนมากกว่าด้านใต้ใบ ระยะแรกจุดนูนจะมีสีน้ำตาลอ่อน ต่อมาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงเมื่อจุดนูนแตกมีผงสีคล้ายสนิม อาการของโรคจะพบได้แทบทุกส่วนของข้าวโพด คือ ใบ ลำต้น กาบใบ กาบฝัก

การแพร่ระบาด : ระบาดได้ทุกฤดูแต่พบระบาดในช่วงฤดูฝนมากกว่าฤดูอื่น ๆ เชื้อราจากจุดนูนที่แตกเป็นผงฝุ่นขึ้นรอบ ๆ สามารถแพร่ระบาดโดยลม

การป้องกันกำจัด :

1. ใช้พันธุ์ต้านทาน

2. ควรหลีกเลี่ยงการปลูกในฤดูที่มีการแพร่ระบาดของโรคอย่างรุนแรง

3. หมั่นสำรวจแปลงปลูกข้าวโพด หากพบจุดนูนของโรคราสนิม 1-2 % ของพื้นที่ใบให้ เนื่องจากเป็นโรคที่มีสาเหตุจากเชื้อรา ฉีดพ่นด้วย ไอเอส ได้เช่นกัน

โรคราน้ำค้างข้าวโพด (Downy Mildew)

เชื้อสาเหตุ : เชื้อรา Peronosclerospora sorghi

โรคราน้ำค้างข้าวโพด

อาการ : โรคราน้ำค้างหรือโรคใบลาย ใบข้าวโพดจะมีสีเขียวอ่อนหรือสีเหลืองอ่อนสลับสีเขียวแก่เป็นทาง ๆ ตามความยาวของใบจากฐานใบถึงปลายใบทางดังกล่าวอาจยาวติดต่อกันไปหรือขาดเป็นช่วง ในเวลาเช้าที่มีอากาศค่อนข้างเย็นความชื้นสูงจะพบผงสปอร์สีขาว ๆ เป็นจำนวนมากบริเวณใต้ใบ ลักษณะอาการอื่น ๆ ของโรคที่อาจพบได้ คือ ดอกตัวผู้จะหงิกงอไม่เจริญเต็มที่ ส่วนดอกตัวเมียอาจไม่เจริญเติบโตหรือจะเจริญมากเกินไป บางครั้งพบ 5-6 ฝักต่อต้น การผสมเกสรไม่สมบูรณ์หรือไม่ผสมเลย

การป้องกันกำจัด :

1. ใช้พันธุ์ต้านทาน

2. ควรหลีกเลี่ยงการปลูกในฤดูที่มีการระบาดของโรคอย่างรุนแรง

3. ฉีดพ่นด้วย ไอเอส ในอัตราส่วน 50ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ให้ทั่วแปลงที่มีการระบาด ฉีดพ่นซ้ำทุก 3-7 วัน ต่อเนื่อง 2-4 ครั้ง ตามความรุนแรงของการระบาด

4. หมั่นตรวจไร่ตั้งแต่เริ่มปลูก ถ้าพบข้าวโพดเริมแสดงอาการของโรคให้ถอนและเผาทำลายทันที

โรคข้าวโพดโคนเน่า (Bacterial Stalk Rot)

เชื้อสาเหตุ : เชื้อแบคทีเรีย Erwinia chrysanthimi

โรคข้าวโพดโคนเน่า

อาการ : พบอาการใบไหม้จากปลายใบมาที่โคนใบ ยอดข้าวโพดมีสีซีดเหี่ยว เฉา ต่อมาจะไหม้ลุกลามเป็นยอดเน่า บริเวณข้อที่อยู่เหนือดินมีรอยช้ำสีน้ำตาล เมื่อผ่าดูพบท่อลำเลียงน้ำและอาหารเป็นสีน้ำตาล ต่อมาเนื้อเยื่อภายในลำต้นถูกย่อยสลาย มีน้ำเมือกไหล มีกลิ่นเหม็น ในที่สุดลำต้นแตก หัก ล้มพับ ถ้าข้าวโพดแสดงอาการหลังติดฝักแล้วจะไม่สมบูรณ์ เมล็ดลีบ

การป้องกันกำจัด :

1. หลีกเลี่ยงการปลูกข้าวโพดในแหล่งที่เคยมีโรคระบาด

2. ถอนแล้วเผาทำลายต้นที่เป็นโรคทันทีที่พบเห็น และใส่ปูนขาวบริเวณที่พบโรค

3. ปลูกข้าวโพดพันธุ์ต้านทานโรค

4. ควรปลูกข้าวโพดบริเวณที่มีการระบายน้ำได้ดี น้ำไม่ท่วมขัง หลีกเลี่ยงการปลูกพืชหนาแน่นและการให้ปุ๋ยไนโตรเจนปริมาณสูง เพิ่มอินทรีย์วัตถุสูงกว่า 1.5 % เพื่อปรับให้มีการแข่งขันของจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ต่อเชื้อโรค

5. ปลูกพืชหมุนเวียนในแหล่งที่เคยมีโรคระบาด

โรคข้าวโพดใบด่าง (Maize Dwarf Mosaic Virus) 

เชื้อสาเหตุ : ไวรัส

โรคข้าวโพดใบด่าง

อาการ : ข้าวโพดแสดงอาการใบด่างลายเขียวซีดสลับเขียวเข้มหรืออาการด่างประจุดเหลืองหรืออาการประร่วมกับใบและยอดไหม้ ถ้าข้าวโพดยังเล็กอยู่มักพบอาการใบเหลืองซีดทั่วทั้งใบยอดอ่อนมีสีเหลืองซีดหรือมีจุดประ ต้นแคระแกร็น ถ้าอาการของโรครุนแรงต้นข้าวโพดจะแห้งตายขณะยังเล็ก ต้นข้าวโพดที่โตแล้วจะให้ฝักที่ไม่สมบูรณ์ กาบหุ้มฝักมีสีเหลืองซีด และบางส่วนของกาบหุ้มฝักแห้งเป็นสีน้ำตาลอ่อน กาบใบมีสีเขียวอ่อน ต่อมาจะแห้งเป็นสีน้ำตาลอ่อน

การป้องกันกำจัด :

1. กำจัดเพลี้ยอ่อน ซึ่งเป็นตัวแมลงพาหะนำโรค ฉีดพ่น มาคา สารอินทรีย์ป้องกันและกำจัดเพลี้ย 2-3 ครั้ง ระยะห่างต่อครั้งประมาณ 7 วัน ส่งเสริมให้พืชฟื้นตัวเร็วจากการเข้าทำลายของโรคและแมลง ผสม FK-1 ที่ประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ฉีดพ่นไปด้วยพร้อมกัน เพื่อให้พืชกลับมาเจริญเติบโต สมบูรณ์แข็งแรงได้เร็วยิ่งขึ้น

2. ปลูกข้าวโพดพันธุ์ต้านทาน ปลูกพืชหมุนเวียน

3. หลีกเลี่ยงการปลูกข้าวโพดในช่วงที่มีการระบาดของแมลงพาหะ

ยาฆ่าเพลี้ยอ่อน ข้าวโพด

สั่งซื้อสินค้าได้ที่ http://www.farmkaset.org/html5/customer_update_add_self.aspx

ไลน์ไอดี FarmKaset
โทร 090-592-8614

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช
kubotasolutions.com

Comments

Popular posts from this blog

โรคของพืชตระกูลมะเขือ มะเขือใบเหลือง มะเขือใบไหม้ มะเขือใบแห้ง ใบด่าง โรคมะเขือจากเชื้อรา และการป้องกันกำจัด

โรคมะพร้าวยอดเน่า โรคใบจุดมะพร้าว โรคมะพร้าวต่างๆ ที่มีต้นเหตุจากเชื้อรา แก้ด้วย ไอเอส

แก้โรค ทุเรียนกิ่งแห้ง ทุเรียนยอดแห้ง ทุเรียนก้านธูป ด้วยการฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ป้องก้นและยับยั้งเชื้อรา