การปลูกมะเขือเทศในถุง


การปลูกมะเขือเทศในถุง ดินที่เหมาะสมต่อการปลูกมะเขือเทศมากที่สุดนั้นเป็นดินร่วนปนทราย ที่มีอินทรียวัตถุสูง และมีการระบายน้ำดี

ที่โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริบ้านแปกแซม ตำบลเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ มีการส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่โครงการทำการเกษตรในหลากหลายชนิดพืชและวิธีการปลูก

และหนึ่งในนั้นที่กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภค คือการปลูกมะเขือเทศแบบปิดระบบอินทรีย์ภายในถุง ซึ่งเจ้าหน้าที่โครงการแนะนำว่าหากสนใจจะปลูกมะเขือเทศขั้นต้นต้องเข้าใจว่า ดินที่เหมาะสมต่อการปลูกมะเขือเทศมากที่สุดนั้นเป็นดินร่วนปนทราย ที่มีอินทรียวัตถุสูง และมีการระบายน้ำดี ความเป็นกรดเป็นด่างของดินประมาณ 4.5-6.8 ถ้าดินเป็นกรดหรือเป็นด่างมากเกินไป จะทำให้ดินขาดธาตุอาหารบางอย่างได้ หรือธาตุอาหารบางชนิดสามารถละลายออกมาได้มากเกินไป จนเป็นเหตุให้เป็นพิษต่อพืช

ควรมีการกำจัดวัชพืชออกหมด เพราะวัชพืชจะไปแย่งกินน้ำ-อาหาร-แสงแดด และยังเป็นที่อยู่อาศัยของโรคและแมลงศัตรูพืชได้ ดังนั้นถ้ามีการเตรียมดินดีนับตั้งแต่แรกเริ่ม ก็จะช่วยป้องกันให้วัชพืชงอกช้าลง จากนั้นตากแดดไว้ให้ดินแห้ง 3-4 อาทิตย์ แล้วนำมาใส่ถุงปลูกที่เตรียมไว้


ส่วนต้นกล้าใช้วิธีเพาะเมล็ดในถาดเพาะ ขนาด 104 หลุมต่อถาด นำเมล็ดพันธุ์แช่ในน้ำสะอาด โดยให้เมล็ดทุกส่วนถูกน้ำ แช่นาน 20 นาที นำเมล็ดมาวางในกระดาษเพาะกล้าหรือผ้าขาวบางชุบน้ำหมาด ๆ แล้วจึงห่อเมล็ดด้วยกระดาษเพาะเมล็ดอีกครั้ง ด้วยถุงพลาสติกใสหรือถุงใส่แกง เก็บในที่อุณหภูมิ 28-30 องศาเซลเซียส โดยใส่ในภาชนะที่มิดชิด เช่น กระติกน้ำเพื่อรักษาอุณหภูมิ นานประมาณ 24 ชั่วโมง จากนั้นนำมาเพาะในถาดเพาะ

เมื่อเมล็ดงอกก็คัดต้นกล้าโดยเอาต้นที่แข็งแรงและโตสม่ำเสมอได้ตามอายุ ตรงตามลักษณะสายพันธุ์ ปราศจากโรคและแมลง ควรย้ายกล้าเมื่อมีใบแท้ 4-5 ใบ หรืออายุไม่เกิน 25-30 วัน หากมีการเคลื่อนย้ายต้นกล้าจากโรงเรือนไปแปลงเพาะปลูกที่มีระยะห่างกันมาก ควรพักต้นกล้าก่อนปลูกอย่างน้อย 1 วัน ก่อนปลูก 2 วัน ควรรดน้ำในถุงปลูกให้ชุ่ม และย้ายกล้าในช่วงเย็น เพราะอากาศไม่ร้อนแดดไม่จัด ตอนนี้ต้องระวังอย่าให้วัสดุเพาะแตกหรือรากขาด เพราะจะทำให้ต้นกล้าชะงักการเจริญเติบโต เวลาย้ายต้นกล้าจากถาดเพาะลงถุงปลูกให้จับบริเวณปลายยอดไม่ควรดึงหรือบีบบริเวณโคนต้นกลบดินครอบคลุมโดนต้นกล้า

จากนั้นรดน้ำทุกวันเช้าเย็น ด้วย มะเขือเทศเป็นพืชที่ต้องการน้ำสม่ำเสมอตั้งแต่เริ่มปลูกไปจนถึงผลเริ่มแก่ (ผลเปลี่ยนสี) หลังจากนั้นควรลดการให้น้ำลง มิฉะนั้นอาจทำให้ผลแตกได้ และควรมีการปักค้างให้มะเขือเทศ โดยใช้ไม้หลักปักค้างต้นก่อนระยะออกดอก ใช้เชือกผูกกับลำต้นให้ไขว้กันเป็นเลข 8 และผูกเงื่อนกระตุกกับค้าง เพื่อให้ต้นเจริญเติบโตได้ดี สะดวกต่อการดูแลรักษา และผลไม่สัมผัสดิน สะดวกต่อการเก็บเกี่ยว

และโดยเฉลี่ยเมื่อย้ายปลูกได้ประมาณ 30-45 วัน มะเขือเทศจะเริ่มออกดอก และเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 70-90 วัน การเก็บเกี่ยวต้องให้ขั้วผลติดมาด้วย เพราะผลในระยะที่ไม่แก่จัดจะทำให้ทนทานต่อการขนส่ง และเมื่อถึงมือผู้บริโภคหรือวางขายในตลาดก็จะเริ่มสุกพอดี

จาก dailynews.co.th

http://www.farmkaset.org/html5/contents.aspx?con_id=02230

Popular posts from this blog

โรคของพืชตระกูลมะเขือ มะเขือใบเหลือง มะเขือใบไหม้ มะเขือใบแห้ง ใบด่าง โรคมะเขือจากเชื้อรา และการป้องกันกำจัด

โรคมะพร้าวยอดเน่า โรคใบจุดมะพร้าว โรคมะพร้าวต่างๆ ที่มีต้นเหตุจากเชื้อรา แก้ด้วย ไอเอส

แก้โรค ทุเรียนกิ่งแห้ง ทุเรียนยอดแห้ง ทุเรียนก้านธูป ด้วยการฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ป้องก้นและยับยั้งเชื้อรา