มะม่วงหิมพานต์ พืชเศรษฐกิจทำรายได้ จ.อุตรดิตถ์ ทำให้ผู้หญิงที่นี่ยอมมือไม่สวยไม่เป็นไรแต่ได้เงิน

ในช่วงเดือนมีนาคม  เมษายนถึงพฤษภาคม  สมาชิกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหาดไก่ต้อย  ต.หาดล้า  อ.ท่าปลา  จ.อุตรดิตถ์  ต่างขะมักเขม้นกระเทาะเปลือกเมล็ดมะม่วงหิมพานต์  เพื่อแปรรูปเป็นเมล็ดมะม่วงหิมพานต์อบแห้ง  ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าของฝากที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดอุตรดิตถ์  จึงทำให้ผู้หญิงที่นี่ยอมมือไม่สวยไม่เป็นไรแต่ได้เงิน

การปลูกมะม่วงหิมพานต์ครบวงจรใน  อ.ท่าปลา

นายไพรัช  อุสาหะ  เกษตรอำเภอท่าปลา  จ.อุตรดิตถ์กล่าวว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของ  อ.ท่าปลาเป็นพื้นที่เขา  ดินลูกรัง  ซึ่งเหมาะสมกับการปลูกมะม่วงหิมพานต์เพราะเป็นพืชทนแล้งและให้ผลตอบแทนสูง  ปัจจุบันได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกมะม่วงหิมพานต์จำนวน  3,036  ราย  ในพื้นที่กว่า  20,000  ไร่และมีพื้นที่เก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้วถึง  10,000  ไร่  คิดเป็นผลผลิตทั้งหมดประมาณ  5,000  ตัน  ซึ่งถ้ากระเทาะเมล็ดแล้วจะได้ประมาณ  1,000-1,300  ตัน(ผลผลิตทั้งเปลือก  5  กิโลกรัมเมื่อกะเทาะแล้วจะได้เมล็ดมะม่วง  1.3  กิโลกรัม)  จำหน่ายเมล็ดที่กระเทาะ  กิโลกรัมละ  25-27  บาท  รวมแล้วเป็นมูลค่ากว่า  30  ล้านบาท

การปลูกมะม่วงหิมพานต์ใน  อ.ท่าปลา  เกษตรกรนิยมปลูกโดยการเพาะเมล็ดเพราะเป็นวิธีที่ง่ายสะดวกรวดเร็ว  ได้ปริมาณต้นกล้าที่มากและแข็งแรง  พันธุ์ที่นิยมปลูกคือพันธุ์  ศ.ก.60-1  และ  ศ.ก.60-2  เพราะมีลักษณะลำต้นแข็งแรง  ทนทานและให้ผลผลิตต่อต้นปริมาณมาก  .ในการแปรรูปเมล็ดมะม่วงหิมพานต์นั้นจะมีส่วนที่เหลือสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เช่นเนื้อผลและเยื่อลอกทำเป็นปุ๋ยหมัก  เปลือกหลังจากกระเทาะหรือกากนั้น  จะจำหน่ายให้พ่อค้ากิโลกรัมละ  50  สตางค์  เพื่อขายส่งโรงงานสกัดเป็นน้ำมันเบรค

ขั้นตอนการเพาะ

นำเมล็ดพันธุ์มะม่วงหิมพานต์แช่ในน้ำเปล่า  1  คืนและเตรียมดิน  แกลบ  ผสมลงถุงดำ  จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์ที่แช่น้ำกดลงในดินโดยคว่ำเมล็ดลงประมาณค่อนเมล็ด  โดยดินไม่กลบเมล็ดจนมิด  จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม  หลังจากเพาะ  7-10  วัน  เมล็ดเริ่มงอกและใช้ระยะเวลาดูแลต้นให้เจริญเติบโตอีกประมาณ  2  เดือน  จึงย้ายลงปลูกในแปลง

การเตรียมหลุมปลูก
ขุดหลุมปลูกกว้าง  ยาว  ลึก  ประมาณ  50  เซนติเมตร  ระยะห่างระหว่างต้นและระหว่างแถว  6  เมตร  ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก  3-5  กิโลกรัม  คลุกเคล้ากับดินที่ขุดไว้กลบลงประมาณครึ่งหลุม  แล้วนำต้นมะม่วงหิมพานต์ลงในหลุมให้โคนต้นอยู่เหนือปากหลุมเล็กน้อย  ปักไม้กันโยกแล้วนำดินที่เหลือกลบหลุมให้แน่น


การดูแลรักษา

มะม่วงหิมพานต์หลังจากปลูกจนถึงอายุ  2  ปี  ควรใส่ปุ๋ย  12-24-12  อัตราส่วน  300-800  กรัมต่อต้นต่อปี  ในช่วงเดือนมิถุนายน , กันยายนและธันวาคม                  หลังจากปลูกอายุประมาณ  3  ปี  ต้นมะม่วงหิมพานต์จะเริ่มออกดอกและจะออกเต็มที่ในช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม  หลังจากนั้นจะออกลดลงและเริ่มติดผลอ่อน  สำหรับระยะเวลาตั้งแต่ออกดอก  ออกผลและเมล็ด  จนผลสุกแก่เต็มที่ประมาณ  60  วัน  ผลสุกจะล่วงเองตามธรรมชาติ  เกษตรกรสามารถเก็บผลผลิตได้  3  รุ่น  ตั้งแต่ในช่วงปลายเดือนมีนาคมจนถึงเดือนพฤษภาคม

การแปรรูปเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ของบ้านหาดไก่ต้อย

คณวันทรา  ผ่านคำประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านหาดไก่ต้อย  หมู่ที่  3  ต.หาดล้า  อ.ท่าปลา  จ.อุตรดิตถ์กล่าวว่าเมื่อปี  2543  สมาชิกกลุ่มแม่บ้านได้รวมตัวกันประมาณ  20  คน  เพื่อสร้างอาชีพเสริมโดยแปรรูปผลผลิตมะม่วงหิมพานต์  ซึ่งเป็นผลผลิตที่มีอยู่แล้วในท้องถิ่นให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น  โดยใช้มือกระเทาะ  แต่ได้ปริมาณน้อยและช้า  ต่อมาได้มีการพัฒนาการผลิตโดยใช้เครื่องกระเทาะเมล็ด  ทำให้ผลิตได้ปริมาณที่มากขึ้นและรวดเร็ว  จนปัจจุบันนี้ทางคุณวิภานันท์  สุขะ  นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ  สำนักงานเกษตรอำเภอท่าปลา  ได้เข้ามาส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพมาตราฐานและการบรรจุภัณฑ์  ทำให้ผลิตภัณฑ์สินค้าเมล็ดมะม่วงหิมพานต์อบแห้งของหาดล้า  เป็นที่รู้จักและยอมรับของตลาดและผู้บริโภค  จนเป็นสินค้าของฝากที่ขึ้นชื่อของจังหวัดอุตรดิตถ์  รวมทั้งสร้างงานสร้างรายได้ให้กับสมาชิกกลุ่มเดือนละ  5,000-8,000  บาท  ปัจจุบันมีสมาชิกถึง  47  ราย  มีรายได้ต่อเนื่องทั้งปีเพราะทางกลุ่มรับซื่อวัตถุดิบมาสต๊อกไว้จากเงินทุนหมุนเวียน  200,000  บาท  สมาชิกรายใดที่มีเวลาว่างจากไร่นาก็จะรับเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ไปทำการกระเทาะเปลือก โดยคิดรายได้กิโลกรัมละ  20  บาทและลอกเยื่อ  กิโลกรัมละ  2  บาท  ในแต่ละวันคนหนึ่งจะกะเทาะได้ประมาณ  10  กิโลกรัม  มีรายได้  200  บาทต่อวัน  แต่การกะเทาะเปลือกเมล็ดมะม่วงหิมพานต์นั้นบางคนมีอาการแพ้เป็นผื่นคันตกกระ  แม่บ้านเกษตรกรทุกคนก็ยอมถึงมือไม่สวยไม่เป็นไรแต่ได้เงินตอบแทน  จนสามารถส่งลูกเรียนจนจบปริญญา  มีบ้านมีตู้เย็นมีโทรทัศน์  สำหรับผลิตภัณฑ์การแปรรูปมะม่วงหิมพานต์ของกลุ่มสามารถผลิตและจำหน่ายปีละ  100  ตัน

ขั้นตอนการกระเทาะเมล็ดมะม่วงหิมพานต์

1.     นำเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่แก่จัดที่หล่นลงกับพื้น  มาตากแดดประมาณ  3-4  วัน  แล้วนำเก็บไว้รอการกระเทาะ

2.     นำเมล็ดที่ตากแห้งแช่น้ำแล้วไปต้มในน้ำเดื่อด  ใช้เวลาประมาณ  15  นาที  ตักขึ้นทิ้งไว้  12  ชั่วโมง  เพื่อให้เมล็ดหดตัวแยกจากเปลือก  ทำให้กระเทาะง่าย

3.     นำเมล็ดที่ได้จากการต้มกระเทาะ  โดยเครื่องกระเทาะเปลือก

4.     นำเมล็ดที่กะเทาะเปลือกเข้าอบตู้แก๊ส  9-10  ชั่วโมง  หรือตากด้วยตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์  3-4  วัน

5.     เมล็ดที่อบแล้วจะมีสีชมพูและหลังจากนั้นนำไปลอกเยื่อหุ้มเมล็ดออก

6.     นำไปอบตู้แก๊สอีกครั้ง  ใช้เวลา  30  นาทีหรืออบพลังงานแสงอาทิตย์ใช้เวลา  1  วัน

7.     ทำการคัดแยกขนาดตามมาตรฐานแหล่งผลิตและบรรจุภัณฑ์  พร้อมจำหน่าย

ราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์การแปรรูปมะม่วงหิมพานต์

-ขายส่งกิโลกรัมละ  200  บาท

-ขายปลีกกิโลกรัมละ  250  บาท

ผู้ที่สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่คุณวันทรา  ผ่านคำประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านหาดไก่ต้อย  หมู่ที่  3  ต.หาดล้า  อ.ท่าปลา  จ.อุตรดิตถ์  โทร.081-7863283

จาก ndoae.doae.go.th

http://www.farmkaset.org/html5/contents.aspx?con_id=02158

Popular posts from this blog

โรคของพืชตระกูลมะเขือ มะเขือใบเหลือง มะเขือใบไหม้ มะเขือใบแห้ง ใบด่าง โรคมะเขือจากเชื้อรา และการป้องกันกำจัด

โรคมะพร้าวยอดเน่า โรคใบจุดมะพร้าว โรคมะพร้าวต่างๆ ที่มีต้นเหตุจากเชื้อรา แก้ด้วย ไอเอส

แก้โรค ทุเรียนกิ่งแห้ง ทุเรียนยอดแห้ง ทุเรียนก้านธูป ด้วยการฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ป้องก้นและยับยั้งเชื้อรา